JIM BEAM ราคาถูก เหล้า JIM BEAM หลากหลายรุ่นรวมไว้ที่นี่

ที่ร้าน SIAMSIPS ของเรามีจำหน่ายเหล้าจิมบีมราคาถูกทุกรุ่น โดยราคาที่ระบุเอาไว้จะเป็นราคาสุทธิที่ไม่มีการบวกค่าส่งเพิ่ม ในบางกรณีอาจมีการเปลี่ยนแปลงราคาโดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้าเนื่องมาจากต้นทุนของแต่ละรอบที่ไม่เท่ากัน หากสนใจสินค้ากรุณาติดต่อเจ้าหน้าที่ของทางร้านเพื่อสอบถามราคาล่าสุดอีกครั้ง สำหรับราคาเหล้า Jim Beam ขนาด 1 ลิตรทุกรุ่นในปัจจุบันจะมีทั้งราคาต่อ 1 ขวดและราคาสำหรับ 1 ลังหรือ 12 ขวดดังนี้

– Jim Beam White ราคาขวดละ 750 บาท ลังละ 7,600 บาท

– Jim Beam Oak ราคาขวดละ 1,200 บาท ลังละ 14,000 บาท

– Jim Beam Black ราคาขวดละ 1,200 บาท ลังละ 12,500 บาท

– Jim Beam Black Extra Aged ราคาขวดละ 990 บาท ลังละ 9,800 บาท

– Jim Beam Red Stag ราคาขวดละ 790 บาท ลังละ 7,990 บาท

– Jim Beam Apple ราคาขวดละ 800 บาท ลังละ 8,000 บาท

– Jim Beam Honey ราคาขวดละ 790 บาท ลังละ 8,500 บาท

– Jim Beam Devil’s Cut ราคาขวดละ 890 บาท ลังละ 8,700 บาท

– Bourbon Jim Beam ราคาขวดละ 780 บาท ลังละ 7,800 บาท

– Jim Beam Signature Craft 12 Year ราคาขวดละ 1,290 บาท ลังละ 13,900 บาท

เหล้า Jim Beam ถูกผลิตขึ้นมาด้วยกรรมวิธีที่ซับซ้อนและยังมีส่วนผสมที่หลากหลายเพื่อเพิ่มมีติให้รสชาติ เนื่องจากในยุคแรก ๆ ที่เหล้า Jim Beam เริ่มผลิตกันนั้นวัตถุดิบหลักในการผลิตวิสกี้อย่างข้าวไรย์และข้าวบาร์เลย์ค่อนข้างขาดแคลน ดังนั้นเหล้าจิมบีมจึงมีส่วนผสมของข้าวโพดด้วยแบบเดียวกับวิธีผลิตเหล้าเบอร์เบิ้น เพราะในช่วงยุคนั้นข้าวโพดเป็นพืชเศรษฐกิจหลักของสหรัฐอเมริกาอยู่แล้ว จึงเป็นวัตถุดิบที่หาได้ง่ายกว่า มีราคาถูกกว่า มากกว่า 51% ของส่วนประกอบหลักจึงเป็นข้าวโพด ในส่วนที่เหลือจึงจะใช้ข้าวไรย์และข้าวบาร์เลย์เพื่อทำให้กลิ่นและรสของ Jim Beam Whisky มีความเข้มและแรงยิ่งขึ้น รสชาติก็จะมีความซับซ้อน การกลั่นจะต้องทำอย่างน้อย 2 รอบขึ้นไปและบ่มในถังไม้ American white oak เป็นเวลา 2-3 ปีขึ้นไปเพื่อรสที่กลมกล่อม มีการเพิ่มส่วนผสมของคาราเมล โอ๊ค และวานิลลาลงไปเพื่อให้ได้ความหอมหวานอบอวลในปากเมื่อดื่ม

การดื่ม Jim Beam ให้อร่อยที่สุดจะเป็นการดื่มแบบเพียวหรือใช้น้ำเปล่า น้ำแข็งผสมไปเล็กน้อย เพราะเหล้าจิมบีมถูกผลิตออกมาเพื่อให้นักดื่มได้เพลิดเพลินไปกับกลิ่นและรสที่หอมหวาน ดังนั้นวิธีดื่มจึงต้องไม่เจือจางรสของเหล้า สำหรับนักดื่มที่สู้ความแรงของวิสกี้หรือเบอร์เบิ้นไม่ไหวก็อาจจะค่อย ๆ จิบทีละนิดแล้วค่อย ๆ สัมผัสถึงกลิ่นหอมที่ละมุนอยู่ในปากก็ได้ เพียงแต่การดื่มวิสกี้หรือเบอร์เบิ้นจะไม่นิยมผสมมิกเซอร์เยอะ ๆ หรือหลายอย่างแบบที่ชาวไทยนิยมดื่มกับเหล้าอื่น ๆ เพราะจะทำให้กลิ่นและรสของเหล้า Jim Beam เพี้ยนไปจากที่ควร

Jim Beam เป็นแบรนด์เหล้าที่เริ่มก่อตั้งมาตั้งแต่ปีค.ศ. 1795 ที่รัฐเคนตั๊กกี้ ประเทศสหรัฐอเมริกา แต่ปัจจุบันอยู่ภายใต้ชื่อของ Beam Suntory บริษัทย่อยในเครือ Suntory ที่มาของ Jim Beam จะเริ่มมาจากในปีค.ศ. 1788 ชาวเยอรมันชื่อ Johannes Jacob Beam ได้มองเห็นโอกาสจากวัตถุดิบที่มีอยู่รอบตัวและเริ่มกลั่นสุราเองภายในครัวเรือนโดยใช้เทคนิคที่ตกทอดกันมาภายในตระกูลผสมผสานกับความรู้ท้องถิ่นจนได้เบอร์เบิ้นรสดีที่ชื่อ Old Jake Beam และจำหน่ายให้กับผู้คนในบริเวณใกล้เคียง ต่อมาชื่อเสียงของ Old Jake Beam ก็เริ่มดังไปไกลจนสามารถจำหน่ายได้ทั่วรัฐเคนตั๊กกี้

ในปีค.ศ. 1820 ลูกชายของ Jacob Beam ชื่อ David Beam ก็เข้ามาดูแลกิจการต่อ และตัดสินใจขยายโรงกลั่นเดิมเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตขึ้น ซึ่งก็ได้ผลตอบรับเป็นอย่างดี หลังจากนั้น David M Beam ลูกชายของ David Beam ก็เข้ามาดูแลกิจการแทนพ่อ ชื่อแบรนด์ถูกเปลี่ยนเป็น Beam’s Old Tub และนำขวดแก้วมาใช้บรรจุแทน เพื่อให้ขนส่งในระยะทางไกลขึ้นได้ โรงกลั่นก็ถูกย้ายไป Nelson County ซึ่งอยู่ใกล้ทางรถไฟเพื่อความสะดวกในการขนส่ง

ในปีค.ศ. 1894 เริ่มมีกฎหมายห้ามจำหน่ายสุราในอเมริกา James Beauregard Beam ผู้สืบทอดแบรนด์รุ่นที่ 4 จึงต้องปิดกิจการกลั่นสุราลงจนถึงปีค.ศ. 1933 กฎหมายห้ามจำหน่ายสุราก็ถูกยกเลิก เขาจึงสร้างโรงกลั่นขึ้นมาใหม่อีกครั้งก่อนจะจัดตั้งบริษัท James B. Beam Distilling Company ขึ้นมาอย่างเป็นทางการและใช้ชื่อแบรนด์ Jim Beam มาจนถึงปัจจุบัน

ในปีค.ศ. 1935 ก็มาถึงผู้ดูแลกิจการรุ่นที่ 5 ได้แก่ T. Jeremiah Beam ซึ่งก็ได้ขยายกิจการและทำให้ชื่อเหล้า Jim Beam เป็นที่รู้จักกันในระดับโลก มีการคิดค้นสูตรใหม่ ๆ ขึ้นมามากมาย ซึ่งทุกวันนี้ Jim Beam ก็ติดอันดับแบรนด์สุราเบอร์ต้น ๆ ของโลก มียอดจำหน่ายมากกว่า 200 ประเทศทั่วโลกเลยทีเดียว